เริ่มตรงไหน ผลการสอบถึงจะดี ทุกคนคงเคยชินกับการสอบ
แต่มีน้อยคนที่ทำข้อสอบได้ดี สิ่งสำคัญที่จะทำการสอบของคุณได้ผลดีมี 3 ประการ ด้วยกันนั่นคือ
· คุณต้องเข้าใจเนื้อหาบทเรียน
· คุณต้องจำมันได้ดี และ
· คุณต้องเขียนบรรยายได้ชัดเจน
มันคล้ายกับการเขียนดังกล่าวมาแล้วในบทก่อนแต่ต่างกันตรงที่ว่า
เวลาคุณทำข้อสอบคุณต้องจำมันได้ระลึกเนื้อหาที่คุณเรียนผ่านมาแล้วได้
และสามารถเรียบเรียงการเขียนออกมานเวลาอันสั้นเท่านั้นเอง
จริงๆแล้วการเตรียมตัวดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีหรือต้นเทอมแล้ว
ก็ด้วยการทำบันทึกและโน้ตย่อต่างๆ นั่นเอง
ถ้าเราให้ความสำคัญกับมันเสียตั้งแต่ตอนนั้น และทำอย่างสม่ำเสมอ
พร้อมทั้งทดสอบตัวเองด้วนโจทย์แบบฝึกหัดทั่วๆไป พอนานๆ
เข้าความชำนาญจะสะสมไปเองโดยปริยาย การอ่านหนังสือเฉพาะบทหรือเฉพาะเรื่องควรทำไปเรื่อยๆตลอดทั้งปี
ยิ่งกว่านั้นอ่านให้กว้างและมากขึ้นกับหัวข้อนั้นๆ
มันจะทำให้พื้นฐานของคุณแน่นขึ้นการมีพื้นฐานที่ดีนี้เองจะช่วยให้คุณพลิกแพลงการตอบไปได้มากมาย
ควรอ่านอะไร
นักศึกษาจำนวนมากเริ่มอ่านตั้งแต่บทนำ
และอ่านไปเรื่อยโดยไม่สามารถแยกออกว่าประเด็นไหนสำคัญ เรื่องไหนควรเน้นและเรื่องๆไหนควรข้ามไป
มีบางตอนของเนื้อหาที่เราสามารถตัดมันออกไปได้ถ้าไม่สำคัญเท่าใดนัก ข้อสำคัญคุณต้องสามารถบอกตรงไหนการอ่านมันเสียหมดเป็นการเสียเวลาอย่างมาก
และยิ่งกว่านั้นจะทำให้คุณเบื่อ ล้า และสับสน
การเรียนในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยโดยทั่วไป
จะเป็นการทำความเข้าใจหลักของวิชานั้นๆ
อาศัยอ่านข้อมูลปลีกย่อยเป็นตัวเสริมเน้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำความเข้าใจเนื้อหา หลักของวิชานั้นๆ
ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และขณะเดียวกันก็ทดสอบตัวเองด้วยโจทย์หรือการตั้งคำถามต่างๆ จากนั้นก็จดบันทึกความจำการบันทึกจะเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าเราเข้าใจเพียงใด
วิธีที่จะหาประเด็นสำคัญของแต่ละวิชา
ก็คือการอ่านอย่างคร่าวๆ ให้ผ่านตาไปในรอบแรก
จากนั้นจะทำให้เรารู้ตำแหน่งของเนื้อหา
แล้วจึงค่อยย้อนกลับมาอ่านให้ละเอียดพร้อมทั้งขีดเส้นใต้ใจความสำคัญ
แล้วทำการโน้ตไว้ เมื่อเราอ่านผ่านไปมาก ๆ พร้อมกับการโน้ตย่อนานๆ
เข้าโน้ตเราจะเพิ่งจำนวนมากขึ้น คราวนี้กลับมาอ่านแต่โน้ตก็พอแล้วทางที่ดีที่สุด
ควรทำโน้ตจิ๋วจากโน้ตย่อของเราอีกครั้ง
จะทำให้โน้ตของเราเล็กลงพกไปไหนมาไหนสะดวกดีด้วย
เมื่อเราอ่านเข้าใจเนื้อหาของหนังสือจบหมดแล้ว บางครั้งก็มีความจำเป็นจะต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมไปด้วย
เพื่อความเข้าใจกว้างขึ้น บางครั้งการศึกษาข้อสอบเก่าๆ ก็เป็นสิ่งที่ดี
แต่ต้องตรวจสอบคำตอบที่ถูกต้องเสียก่อน
และอย่ามั่นใจว่าอาจารย์ออกข้อสอบแบบเดิมอีก การหักมุมข้อสอบเกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ควรศึกษาทบทวนเนื้อหาต่างๆ
ที่เรามีและที่โน้ตไว้แล้วนั่นเอง
เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
การเรียนถ้าจะให้ดีต้องมีแรงจูงใจ
แรงจูงใจจะเป็นพื้นฐานสำคัญของความกระตือรือร้น ความตั้งใจ
และบรรยากาศในการเรียนจากการวิจัยเกี่ยวกับความจำของ แอมบาสเดอร์ คอลเลจ (Ambassador College) พบว่าคนส่วนมากลืมเกือบจะหนึ่งในสามของเนื้อหาที่เรียนภายใน
1 ชั่วโมง ทั้งนี้เพราะขาดแรงจูงใจในการเรียน
แม้ว่าเราจะมีแรงจูงใจที่จะเรียนและมีความจำที่ดีแล้วยังไม่พอหรอกนะ
คุณยังต้องมีวิธีเรียนที่มีคุณภาพด้วย ซึ่งประกอยด้วย 3 สิ่ง คือ การรวบรวมเนื้อหาที่ดี
วิธีเรียนที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารเวลาที่เหมาะสมปราศจาก 3 สิ่งนี้แล้ว เรียนอย่างมีประสิทธิภาพจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
วิธีรวบรวมและสรุปเนื้อหา
การรวบรวมเนื้อหาเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่นำไปสู่การเรียนที่ดีเราเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเนื้อหาต่างๆ
เสียก่อนแล้วพยายามโยงเนื้อหาแต่ละบทแต่ละตอนสัมพันธ์กันให้ได้ ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดของวิชา
จากนั้นหยิบประเด็นหลัก ๆ ที่เป็นพื้นฐานออกมาพิจารณาเพื่อให้เกิดความถ่องแท้
แล้วเราจะเข้าใจประเด็นสำคัญรองลงไปโดยปริยายการทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดแล้ว
ต่อไปก็ย่อเนื้อหาลงให้เหลือน้อยลงๆ
จนกลายเป็นบทสรุปสั้นๆ ในบทสรุปจัดกลุ่มประเด็นสำคัญๆ
ที่สัมพันธ์กันไว้ด้วยกันเมื่อกลับมาอ่านประเด็นต่างๆ
เหล่านั้นจะทำให้เราหวนระลึกถึงเนื้อหาเรื่องได้โดยตลอดพยายามทำให้ได้เพราะวิธีนี้จะทำให้เราระลึกย้อนหลังได้แม่นยำขึ้น
การระลึกย้อนหลัง
การเรียนแค่อ่านผ่าน อย่างซังกะตาย ไม่ส่งผลดีเท่าใดนักคุณจะต้องอ่านอย่างสนุก
มีชีวิตชีวาอ่านแล้วคิดตามแก้ปัญหาตามไปด้วย นี่ต่างหากที่จะส่งผลดีที่สุด
หัวใจสำคัญของการเตรียมตัวสอบก็คือ คุณต้องพยายามนึกทบทวนเนื้อหาย้อนหลังให้ได้
เพราะเวลาคุณเข้าห้องสอบ คุณไม่มีสมุดโน้ตอยู่ด้วยนะ อย่าลืม ทางที่ดีคุณควรทำโน้ตจิ๋ว
จากสมุดเลคเชอร์ของคุณ บันทึกประเด็นต่างๆ ไว้ให้ครบถ้วนในโน้ตจิ๋ว
หลังจากนั้นเก็บสมุดโน้ตของคุณเข้าชั้นหนังสือได้
เมื่อคุณกลับมาอ่านวิชานี้อีกทีอ่านจากโน้ตจิ๋วแล้วพยายามนึกทบทวนไปสู่เนื้อเรื่องทั้งหมดขจัดข้อบกพร่องต่างๆ
อาทิ อ่านแล้วนึกไม่ออก ก็กลับไปเปิดดูในสมุดโน้ตใหม่แบบนี้เรื่อยๆไปจนกว่าจะสามารถจำเกือบทั้งหมด
ทีนี้คุณก็จะมาถึงจุดที่เกือบจะจำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่อย่าลืม อ่านแล้วอ่านอีก
อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ ครั้งแล้วคุณจะเรียนรู้ว่าความเข้าใจมันซึมซับเข้าไปในตัวของคุณได้เองทีเดียว
ในขณะที่คุณกำลังใช้สมองนึกทบทวนเนื้อหาวิชาอยู่นั้น
ระวังอย่าให้เกิดความเครียด หรือกังวลใจโดยเด็ดขาดขจัดมันออกไปเสียให้หมด
มิฉะนั้นจะระลึกได้ไม่ดีเท่าที่ควร คุณจะมีสมาธิขึ้น ถ้าอ่านไปคิดตามและเขียนบันทึกควบคู่ไปด้วยการเตรียมตัวของคุณจะง่ายเข้าถ้าคุณแบ่งเนื้อหาออกเป็นบทๆ
แม้เนื้อหาในบทที่ 1 และบทที่ 2
จะมีส่วนซ้ำกันอยู่บ้างก็ไม่แปลกเป็นการดีเสียอีกเพราะจะทำให้เราเข้าใจดีขึ้น
แล้วส่วนที่ต่างกันก็จดบันทึกเอาไว้
เราจะพบว่ายิ่งเรียนมากก็ยิ่งจะต่างออกไปมากนี่แหละคือ ความรู้
แม้แต่การทบทวนในแต่ละตอน แต่ละบท
ก็ควรใช้วิธีที่ต่างกันออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซากจำเจ
ลองทำเหมือนกับคุณเป็นผู้บรรยายเสียเองสิ เขียนไปด้วยอธิบายไปด้วย ตอบปัญหาไปด้วย
แล้วคุณจะพบว่าคุณมีความเข้าใจดีขึ้น และจะจำได้นานที่เดียว หรือไม่ก็อาจลองใช้วิธีนี้ดู
คำศัพท์เฉพาะที่คุณต้องการจำให้ได้
ถ้ามันเกิดยาวมากและมีหลายๆ ข้อก็ลองย่อเอาแต่ตัวอักษรตัวแรกมาเรียงกันดู แล้วก็สร้างคำใหม่
ในอักษรย่อนั้นอาจเป็นคำที่มีความหมาย หรือไม่มีก็ได้แต่คุณแน่ใจ
พอคิดถึงคำนั้นแล้วคุณสามารถนึกย้อนไปถึงคำและความหมายนั้นๆได้
การบริหารเวลา(ท่องหนังสือ)ก่อนสอบ
นักศึกษาบางคนหลงตัวเองเสียเหลือเกิน
คิดว่าอ่านหนังสือรอบเดียวแล้วจะจำได้หมด มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ
บางคนอ่านแค่ครั้งหรือสองครั้ง แล้วในเวลาต่อมาเพียง 2-3 วัน
เขาก็อาจลืมได้เกือบทั้งหมดเช่นกัน ถ้าเขาไม่หมั่นทบทวนและระลึกย้อนบ่อยๆ
อ่านหนังสือให้สม่ำเสมอได้สำเร็จทีเดียว หลังจากฟังบรรยายมาแล้วคุณก็อ่านทบทวนเนื้อหาเสียเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
วันต่อ ๆ มาก็ค่อยๆนึกทบทวนย้อนหลังถึงบทที่คุณอ่านจับประเด็น
หรือใจความสำคัญหรอกนะ ข้อสำคัญคุณจะต้องมีเวลาให้กับบทต่อ ๆไป
ของคุณด้วยซึ่งมันเพิ่งขึ้นทุกวัน ทุกสัปดาห์ และทุกเดือน
ฉะนั้นอย่าเสียเวลากับบทใดบทหนึ่งโดยเฉพาะ จงแบ่งเวลาให้เท่าๆกัน
ในการท่องหนังสือแต่ละครั้ง
ควรรู้จักแบ่งเวลาบ้าง จะไม่เครียดมากเกินไป คุณลองตั้งเป้าหมายไว้แบบนี้
อ่านเสีย 1 บท หรือ 1 ตอน แล้วก็ให้รางวัลแก่ตนเองเสียครั้งหนึ่ง
ด้วยการทานขนมหรือกาแฟสักถ้วย
แล้วกลับมาอ่านบทต่อไปอีกวิธีนี้จะช่วยลดความเซ็งและความตึงเครียดได้ ข้อสำคัญ
อย่าพักผ่อนและรับประทานเสียจนเพลิงล่ะ คุณจะมีปัญหาเรื่องความอ้วนตามมา
จากนั้นก็กลับมาทบทวนสิ่งที่เคยอ่านไปแล้ว การทบทวนจะตรงข้ามกับการอ่านหรือท่องหนังสือ
ถ้าคุณทบทวนหนึ่งบท แล้วพักสักครั้งหนึ่งแบบนี้ เสียเวลาแย่
และที่สำคัญไม่ได้เนื้อหาด้วย
ฉะนั้นในขั้นทบทวนนี้ให้กระทำต่อเนื่องให้จบเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว
พยายามเก็บเนื้อหาให้จบเสียทีเดียว
การอ่านหรือนึกทบทวนไม่ใช้เวลามากนักเท่ากับการอ่านจับใจความสำคัญอยู่แล้ว เพราะไม่อ่านทุกตัวอักษรในขั้นนี้น่าจะทำให้เร็วกว่าการอ่านมาก
การเรียนถ้าจะให้ดีคุณต้องขยันหมั่นเพียร ต้องอ่านมากๆ คนที่อ่านหนังสือ 1ชั่วโมง กับคนที่อ่านทั้งวัน ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เท่ากันหรอกนะ ฉะนั้น ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการเรียน
ควรอ่านหรือท่องตำราให้สม่ำเสมอ อย่างนี้ถึงเรียกว่า เรียนเป็น
การยัดเยียดความรู้เพื่อจำได้ก็จำเป็นเช่นกัน
แต่เราจะกระทำก็ต่อเมื่อวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องสอบเท่านั้น
ซึ่งแน่นอนเราจะมีเวลาจำกัดเสียเหลือเกิน การท่อง ๆ อัดเข้าไปแบบนี้
น่าจะเป็นเรื่องของการทบทวน นึกย้อน ประเด็นสำคัญ ๆ
หรือหัวใจสำคัญของเนื้อหาวิชานะ มิใช่เป็นการอ่านเพื่อหาประเด็นสำคัญ
หรือประเด็นหลักสองอย่างนี้แตกต่างกัน
ถ้าคุณกำลังจะเข้าห้องสอบคุณยังมาตั้งต้นอ่านเพื่อจับใจความเสียเวลาเปล่าวิธีนี้ไม่เกิดประโยชน์เลยนะ
แต่ก็แปลกวิธีนี้ กลับเป็นที่นิยมกันมากในระดับมหาลัย หรือวิทยาลัย
การกระทำดังกล่าวนี้ไม่ใช่การเรียนที่แท้จริงเลย
เป็นการเรียนเพียงแค่สอบผ่านเท่านั้น มันไม่ซึมซับเข้าไปในจิตใจคุณหรอก
การเรียนในระดับนี้แล้วน่าจะมีความหมายที่สูงส่งกว่าการสอบผ่านแน่ๆ หรือคุณว่าไง
นักศึกษาจำนวนมาก “ลุ้น” ก่อนเข้าห้องสอบ ทั้งนี้เพราะตัวเขาไม่มีความพร้อม
อาทิ เพลิดเพลิงกับกิจกรรม จีบสาว เที่ยวเตร่มากเกินไป
พอจะถึงวันสอบก็มานั่งอ่านหนังสือตลอดทั้งคืน ไม่ดีทั้งความจำและสุขภาพ
ถ้าคุณอ่านไปแล้วไม่เข้าใจ จะไปถามใคร อะไรๆ ก็ไม่สะดวก ทั้งนั้น และในการสอบ
ถ้าสอบ 1 วิชา แล้วเว้นไปอีก 2 วันก็พอทำเนา คุณยังลุ้นทั้งคืนโต้รุ่งได้
แต่ถ้าต้องสอบทุกวันแล้วคุณต้องโต้รุ่งทุกวันร่างกายและสมองก็คงหล้า เฉื่อยแน่
บางคนถึงต้องใช้ยา หรือกาแฟ เพื่อบังคับตัวเองไม่ไห้ง่วงนอน แบบนี้พอห้องสอบรับรอง จอดป้าย มีอาการวิงเวียน
หน้ามืดตาลาย สับสน มีบางคนต้องขออนุญาตออกจากห้องสองกลางคัน
ทั้งที่ทำข้อสอบยังไม่เสร็จคุณคงไม่เป็นแบบนี้
อีกทั้งการอ่านหนังสือตลอดทั้งคืน
กับการอ่านอย่างสม่ำเสมอ
ผลย่อมไม่เหมือนกัน การโต้รุ่ง
มีสิ่งรบกวนจิตใจนั่นคือการสอบ แต่การอ่านอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องใดๆ เลย สมาธิมีได้มากกว่ากันและจำได้ดีกว่าด้วย
การทุจริตหรือ.....ไม่ควรจะมีเป็นอย่างยิ่งในระดับนี้
คนที่ทุจริตในเวลาสอบมักจะเป็นคนที่ขาดความเชื่อมั่น ความภาคภูมิใจเป็นคนที่ดูถูกตนเอง
ดูถูกผู้บรรยายและผู้คุมสอบ แม้คุณจะจบออกไปโดยวิธีนี้
คุณก็จะไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิตและการงานเลย ใครๆ ๆเขาจะมองว่าคุณเป็นคนน่ารังเกียจ
เห็นแก่ตัว ถ้าคุณถูกจับได้ล่ะ จงล้มเลิกความตั้งใจที่จะทุจริตเสียเถิด ไม่มีประโยชน์หรอก
จำไว้ว่าจุดมุ่งหมายของการเรียน
ไม่ใช่พียงแค่สอบผ่าน มันมีความหมายมากกว่านั้น
การลดความเครียดก่อนสอบ
มีนักศึกษาจำนวนมากที่ “ตื่นห้องสอบ”ทั้งๆ
ท่องจำมาอย่างดี
แต่พอเข้าห้องสอบก็ตกใจจนลืมหมด
ก็น่ากลัวอยู่หรอกเพราะบรรยากาศในห้องสอบแสนจะวังเวงบีบคั้นจิตใจได้ดีเสียเหลือเกินแต่เราควรคิดเสียว่า การทดสอบไม่ใช่ทดสอบความรู้เพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมถึงการทดสอบความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเราด้วย ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ที่เรียนมาก็สูญเปล่า คนประเภทนี้น่าสงสาร ทางแก้ไขก็คือ ทำสมาธิให้จิตใจจดจ่ออยู่กับข้อสอบ อย่าวอกแวก คุณต้องมั่นใจในตนเอง
เพราะเวลาอ่านทบทวนคุณก็ทำได้นี่น่า ตอนสอบก็น่าจะทำได้ด้วย
มันไม่น่าต่างกันมากนัก แต่ถ้าคุณทำใจแล้ว ทำสมาธิแล้ว ก็ยังมีอาการหวาดกลัว
และตื่นตระหนกอยู่ลองทำอย่างนี้ดู
หนึ่งเดือนก่อนสอบลองทดสอบตัวเองดูเสียก่อนโดยสร้างบรรยากาศให้เหมือนห้องสอบ
แล้วนั่งทำข้อสอบดู วิธีนี้จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับบรรยากาศห้องสอบแต่ถ้าทำแล้วยังขจัดปัญหาไม่ได้
ก็ลองคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา เขาอาจจะมีคำแนะนำดีๆ อย่างที่คุณคิดไม่ถึง
ดูเหมือนจะเป็นหนทางสุดท้ายแล้ว ถ้าจะให้ดีลองช่วยตัวเองก่อน
ดึงความสามารถของเราออกมาใช้ ก่อนที่จะซมซานไปพึ่งผู้อื่น
ส่วนมากก่อนสอบ 4-5
ชั่วโมงนักศึกษาส่วนใหญ่จะมีอาการตื่นเต้นมาก
บ้างก็พยายามแก้โดยการอ่านตำราซ้ำไปซ้ำมา บ้างก็วิ่งลนลาน ไปติววิชากับเพื่อนยังกับหนูติดจั่น
กระทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะจะทำให้เกิดความสับสน และวิตกกังวล
การอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ดีหรอกแต่อาจเป็นสาเหตุของการสะสมอาการตื่นเต้นมากขึ้นก็ได้
พอเข้าห้องสอบจริงๆ เลยลืม หรือการติวกับเพื่อนๆ ถ้าเผอิญเจอเพื่อนที่แตกฉากกว่า
รู้มากกว่า คุณอาจใจเสีย และเป็นกังวลเพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะรบกวนจิตใจของคุณได้ดีทีเดียว
โดยทั่งๆไปเวลาไม่กี่นาทีก่อนสอบ จะไม่ส่งผลต่อการจำมากนัก
ฉะนั้นอย่ามัวมานั่งรีบท่องอยู่เลย
สู้เอาเวลานั้นมาเตรียมอุปกรณ์สำหรับเข้าห้องสอบให้พร้อม
ดูแผนผังที่นั่งสอบและเช็ดดูบัตรประจำตัวคุณเสียดีกว่า
อย่าลืมทำจิตใจว่างก่อนเข้าห้องสอบด้วย
การทำข้อสอบ
ในเวลาสอบจะมีเพียงคุณกับข้อสอบอยู่บนโต๊ะเท่านั้นไม่มีสมุดโน้ตและตำราให้คุณเปิดอ่านเมื่อติดขัด
ในตอนนี้ความจำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คุณต้องพยายามนึกทบทวนเนื้อหาต่างๆ
ที่ผ่านมาให้ได้แล้วกลั่นกรองเขียนลงไปในข้อสอบ
วิธีการเขียนเพื่อสอบข้อสอบก็คล้อยๆ การเขียนเรียงความ หรือบทความนั่นแหละ
ขั้นแรกอ่านคำสั่งเสียก่อน
ดูให้ถี่ถ้วนว่าเขาให้ทำอะไรบ้างให้ทำทั้งหมดหรือให้เลือกทำ และในหัวข้อให้เลือก
มีตัวเลือกอีกหรือไม่ต้องเช็คดูให้ดีอย่าสะเพร่าเมื่อเลือกทำข้อใดแล้ว
ต้องศึกษาโจทย์หรือคำถามเสียก่อนดูให้เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรถ้าจะให้ดีขีดเส้นใต้คำหรือข้อความที่เป็นคำสั่งไว้
เมื่อทราบความต้องการของผู้ออกข้อสอบแล้วค่อยลงมือทำขอเตือนว่าอย่าเลินเล่อ
รีบเขียนรีบเสร็จโดยปราศจากการวางแผนคิดทบทวน เพราะจะทำให้คุณเสียคะแนน
การตอบคำถามที่ดีควรมีการวางแผน
วางเค้าโครงที่จะเขียนตอบเสียก่อนเขียนโดยเฉพาะการตอบคำถามแบบอัตนัย เป็นสิ่งจำเป็นมากการวางแผนการเขียน
จะช่วยให้การตอบดี รัดกุม
และชัดเจนขึ้นพยายามนึกเสียก่อนว่าเรื่องอะไรควรเขียนก่อน-หลัง จะเขียนในโคปกว้าง-แคบเท่าใด
นอกจากนั้นการวางแผนจะทำให้การเขียนตอบไม่วกวนไปมา พายเรืออยู่แต่ในอ่าง
ในขณะที่สอบอย่าปล่อยให้สมองว่าง จงพยายามคิดและเขียนคำตอบออกมาให้ได้
การใช้เวลาในการเขียนตอบแต่ละข้อนานเท่าใด มันขึ้นอยู่กับการแบ่งเวลาของคุณ
อย่าเสียเวลาทำข้อใดข้อหนึ่งนานเกินไป จนต้องละทิ้งข้ออื่น หริตอบแต่เพียงสั้นๆ
แบบนี้ไม่ดีแน่ ทางที่ดีคุณควรให้ความสำคัญกับทุกข้อ เว้นเสียแต่คุณจะคิดบางข้อไม่ออกจริงๆ
ลายมือก็เป็นสิ่งสำคัญนะคุณ
ลายมือที่อ่านยากแถมไม่เป็นระเบียบไม่ได้คะแนนมาหรอก
เพราะอาจทำให้อ่านไม่ออกเลยไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพยายามอธิบาย
ควรหลีกเลียงการเขียนแบบเขี่ยๆ บนเศษกระดาษ เวลาเขียนตอบต้องประณีต บรรจง
มีระเบียบ การวางแผนการเขียนที่ดี จะช่วยเสริมให้การทำงานของคุณเป็นระเบียบได้มาก
ในขณะที่เขียนตอบ คุณต้องแยกแยะประเด็นสำคัญๆ โดยเขียนเรียงลำดับหมายเลข
หรือใส่หัวเรื่องแต่ละประเด็นให้ชัดเจนการเขียนแบบเรียงความเต็มพรึดไปมดสวยงามแล้วยังต้องมานั่งอ่านจับใจความคุณ
แบบนี้ลำบาก ถ้าคำถามของคุณเป็นแบบ ให้เลือกทำ จงอ่านรอบแรกคร่าวๆ ก่อน
แล้วเลือกทำข้อที่ถนัดและคิดว่าทำได้ดีที่สุดข้อใดทำไม่ได้ก็ข้ามไปก่อน
แล้วจึงย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง อย่าเสียเวลากับข้อที่ถนัดมากเกินไป
จะทำข้อสอบไม่ทัน หลังจากที่สอบเสร็จแล้วหลายคนชอบวิ่งแจ้นไปขุดคุ้ยโน้ตมาอ่านเช็คว่าตอบถูกหรือเปล่า
พอดูแล้วก็เกิดความกังวลและไม่สบายใจเลยพาลไม่มีใจสอบวิชาต่อไป
สู้เอาเวลาอย่างว่าทำใจให้สบายเตรียมสอบวิชาต่อไปจะดีกว่า
ถือเสียว่าแล้วก็แล้วกันไปคราวหน้าแก้ตัวใหม่ก็แล้วกัน
แหล่งข้อมูลจาก
อุรวดี รุจิเกียรติกำจร . วิธีเรียนอย่างมีคุณภาพ . กรุงเทพฯ : ข้าวฟ่าง , 2552